วันนี้จะมาพูดถึงการศัลกรรมเสริมจมูกแบบโอเพ่น ซึ่งเป็นการผ่าตัดเสริมจมูกแบบเปิดที่ อิมพอร์ตตรงมาจากแดนกิมจิประเทศเกาหลีใต้ เทคนิคการเสริมจมูกแบบโอเพ่นนั้น สามารถแก้ปัญหาได้อย่างตรงจุด เพื่อจมูกที่สวยแบบที่เราต้องการ การศัลยกรรมจมูกเป็นการศัลยกรรมยอดฮิตเลยก็ว่าได้ แทบจะทุกคนแล้วที่ผ่านการศัลยกรรมจมูกมา แต่อาจจะแตกต่างกันไปด้วยรูปแบบการทำ วัสดุที่ใช้ ถึงจะเป็นซิลิโคนเหมือนกัน แต่ปัจจุบันก็ได้มีการพัฒนารูปแบบของซิลิโคนดูธรรมชาติและปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การเสริมจมูกนั้นแตกต่างกันที่เทคนิคของแพทย์ และความเชี่ยวชาญแต่ละท่าน โดยจมูกถือว่าเป็นอวัยวะที่โดดเด่นที่สุดชิ้นหนึ่งบนใบหน้า สามารถกำหนดภาพรวมของใบหน้าของเราได้เลย นั่นคือ คนที่มีปัญหาเกี่ยวกับจมูก เช่นจมูกไม่โด่ง จมูกไม่สวย จมูกคด ไม่ได้รูป นั้นก็จะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้สูญเสียความมั่นใจไปได้

เสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)

การศัลกรรมจมูกแบบเปิด หรือ เสริมจมูกแบบโอเพ่น คือ เทคนิคศัลยกรรมช่วยแก้ไขให้รูปร่างจมูกดูสมบูรณ์ขึ้น ด้วยการผ่าตัดเปิดแผลบริเวณฐานตรงปลายของรูจมูกทั้งสองข้างและกรีดผ่าเป็นแนวดิ่งจนเห็นแกนจมูก เป็นการแยกผิวหนังออกจากโครงสร้างของจมูก ทำให้เผยให้เห็นโครงสร้างจมูกภายในทุกส่วน ซึ่งเป็นการเปิดเพื่อจัดระเบียบโครงสร้างด้านใน ทำให้แพทย์สามารถวิเคราะห์ปัญหาได้อย่างตรงจุดและแก้ทรงจมูกได้หลากหลาย เช่น การตัดแต่งกระดูกจมูกเดิมที่คดเบี้ยว การตะไบกระดูกสันจมูกนูน (ฮัมพ์) โดยใช้กระดูกอ่อนหรือเนื้อเยื่อสังเคราะห์เป็นตัวช่วยหลัก ถือเป็นวิธีที่แตกต่างจากการเสริมจมูกแบบปิด (Closed Rhinoplasty) ที่ใช้ซิลิโคนเน้นการเสริมจมูกให้โด่งขึ้นเพียงอย่างเดียว

ใครเหมาะกับการเสริมจมูกแบบโอเพ่น

เพราะเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าจมูกให้เห็นโครงสร้างภายในชัดๆ การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจึงเหมาะกับทุกคนที่ต้องการปรับทรงจมูกของตนให้สวยปังได้ทุกรูปแบบ โดยปัญหาที่คลินิกส่วนใหญ่พบและแก้ไขได้มีดังนี้

• ผู้ที่มีปลายจมูกสั้นกลม ปลายจมูกเชิด จมูกทรงชมพู่ สามารถแก้ไขทรงของกระดูกอ่อนปลายจมูก ไม่ว่าจะตัดเย็บให้ปลายจมูกที่กลมมนดูเรียวขึ้น ยาวขึ้น หรือผ่าตัดเอาเนื้อส่วนเกินจากจมูกชมพู่ออกแล้วเสริมสันจมูกให้โด่งขึ้นก็ได้
• ผู้ที่มีแกนจมูกสูง หรือเบี้ยวผิดรูป สามารถผ่าตัดตอกแกนจมูกให้เรียบเนียน และปรับทรงให้ตรงเข้าที่เพื่อให้จมูกดูสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้นได้
• ผู้ที่ผ่านการแก้จมูกมานับครั้งไม่ถ้วนจนเกิดพังผืดสะสม สามารถผ่าตัดขูดพังผืดทั้งหมดออกแล้วค่อยผ่าตัดแก้ทรงจมูกที่ผิดพลาดอันเก่าให้เป๊ะใหม่ก็ได้เช่นกัน
• ผู้ที่ผ่านการทำจมูกแบบปิดแล้วรู้สึกว่าซิลิโคนกำลังจะทะลุ ในกรณีนี้ถ้าซิลิโคนดันจนเนื้อปลายจมูกบางระยะสุดท้าย การผ่าตัดเปิดจมูก คือทางเลือกดีๆ ที่จะรักษาเยื่อปลายจมูกของคุณไว้ได้ด้วยการเสริมกระดูกอ่อนและไขมันจากหลังหู กั้นตรงปลายจมูกเอาไว้ไม่ให้ซิลิโคนทะลุออกมา

เปรียบเทียบการเสริมจมูก แบบ Open Rhinoplasty และ แบบ Closed Rhinoplasty

เพราะเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าจมูกให้เห็นโครงสร้างภายในชัดๆ การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจึงเหมาะกับทุกคนที่ต้องการปรับทรงจมูกของตนให้สวยปังได้ทุกรูปแบบ โดยปัญหาที่คลินิกส่วนใหญ่พบและแก้ไขได้มีดังนี้

• การเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบเปิด (Open Technique) จะมีแผลที่ฐานจมูก การเสริมจมูกด้วยวิธีนี้มีโอกาสทิ้งร่องรอยหรือรอยแผลไว้ภายนอก การเสริมจมูกด้วยวิธีนี้สามารถปรับแต่งจมูกได้หลากหลาย สามารถแก้จมูกสั้นให้ยาวขึ้น แก้จมูกใหญ่ให้เล็กลง แก้จมูกคดให้ตรง แก้จมูกโก่งให้เรียบ การศัลยกรรมจมูกแบบเปิด ทำโดยการกรีดผ่าจมูกออกในแนวดิ่ง ซึ่งจะเปิดให้เห็นแกนจมูก จากนั้นจึงทำการแยกเนื้อและผิวหนังออกจากโครงสร้างจมูก เพื่อที่จะได้เห็นโครงสร้างของจมูกได้อย่างชัดเจน
• การเสริมจมูกด้วยเทคนิคแบบปิด (Close Technique) เป็นการเสริมจมูกแบบปกติทั่วไป แผลผ่าตัดจะอยู่ด้านในรูจมูก โดยจะใส่ซิลิโคนทางรูจมูก ซึ่งจะเสริมใส่ซิลิโคนตั้งแต่สันจมูกถึงปลายจมูก ไม่แนะนำให้ใส่ซิลิโคนที่ยาวเกินไป เพราะเสี่ยงในการทะลุได้ และมีโอกาสที่ซิลิโคนจะเบี้ยวมากกว่า

ข้อแตกต่างระหว่างเสริมจมูกโอเพ่น และเสริมจมูกแบบปิด

1. ราคา

คงปฏิเสธไม่ได้ว่าการทำศัลยกรรม หลายคนก็คงประเมินจากราคาเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งเราก็จะเห็นว่า open ราคาค่อนข้างสูงกว่าแบบ close ค่อนข้างเยอะ โดยประมาณน่าจะ 4-5 เท่าตัว เหตุผลหลักๆ เลยคือ เสริมจมูกแบบโอเพ่น คุณหมอนิยมที่จะทำการผ่าตัดภายใต้การดมยาสลบ เนื่องจากระยะเวลาการผ่าตัดค่อนข้างนาน (โดยเฉลี่ย 2-4 ชั่วโมง) เหตุผลที่ต้องทำนานกว่ากันไม่ใช่เพราะการมีแผลตรงกลางจมูกเพียงอย่างเดียว การที่เราจะมีลงแผลตรงกลางจมูกเพื่อทำโอเพ่นนั้น ก็ควรที่จะมีเหตุผลรองรับเพียงพอ นั่นหมายถึงว่าถ้าเราจะทำเพียงแค่ใส่ซิลิโคนอย่างเดียว เราก็ไม่จำเป็นต้องทำการเสริมแบบโอเพ่นก็ได้ การที่เราจะโอเพ่นนั่นเนี่ยควรจะต้องมีการปรับโครงสร้างขนานใหญ่ โดยอาจจะการใช้กระดูกอ่อนจากบริเวณอื่นร่วมด้วย เช่น กระดูกอ่อนที่หู กระดูกซี่โครง หรือ กระดูกอ่อนผนังกั้นจมูก ทำให้การฉีดยาชาเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอ ซึ่งการจะดมยาสลบนั้นก็แปลว่าต้องมีแพทย์ดมยาอีกท่านเข้ามาอยู่ในเคสด้วย ก็เป็นการเพิ่มต้นทุนไปโดยปริยาย

2. SEG

Septal Extension Graft หรือการยืดผนังกั้นจมูก ให้จมูกมีความยาวหรือโด่งพุ่งมากขึ้น ซึ่งปลอดภัยมากกว่าการเสริมจมูกด้วยซิลิโคนทั้งแท่ง การจะยืดผนังกั้นจมูกได้นั้น ต้องเลาะเข้าไปลึกพอสมควร เพื่อเข้าไปตัดส่วนผนังกั้นจมูกแล้วย้ายกระดูกอ่อนบริเวณดังกล่าว เย็บติดกับส่วนปลายของผนังกั้นจมูกเดิม (รูปตรงกลาง และรูปด้านขวา การที่ผนังกั้นจมูกถูกตัดแล้วเอามาเย็บไว้ตรงส่วนปลายของผนังกั้นจมูก) แต่ถามว่าจำเป็นต้องทำ open คำตอบคือ ไม่จำเป็นครับ สามารถทำแบบ closed ได้เช่นกัน แต่ก็อาจจะทำได้ยากกว่า เนื่องจากขอบเขตการมองเห็นค่อนข้างน้อยกว่ามาก แต่ก็สามารถทำได้ค่ะ

3. การตกแต่งปลาย

ไม่ว่าจะเป็นการเย็บอินเตอร์โดม หรือ อินทราโดม หรือ การเย็บเพื่อลดความโก่งของกระดูกอ่อน เราสามารถที่จะทำได้ในทั้งแบบ open และ close ได้เช่นกัน แต่ก็เช่นเดียวกับข้อ 2 การจะทำแบบ close ก็ทำได้ลำบากกว่าเช่นกัน เนื่องจากมุมมองน้อยกว่า

4. การแก้จมูก

ในเคสที่แก้ ในบางกรณีที่พังผืดเยอะ หรือมีประวัติการฉีดสารเหลวต่างๆ มา แน่นอนทำได้ทั้งสองวิธีครับ แต่การทำ open ก็สามารถที่จะตัดเลาะออกมาได้ละเอียดกว่านั่นเอง

5. การตอกฐาน

สำหรับการตอกฐานนั้น ทำได้ทั้งสองแบบ ผลไม่แตกต่างกันครับ อีกอย่าง ตอกฐานก็สามารถที่จะทำในลักษณะแผลด้านนอกได้ครับ ยิ่งยืนยันว่าทำได้ไม่แตกต่างกัน

6. จมูกคด

หลายคนมีปัญหาจมูกคดโดยที่เราไม่รู้ตัว แต่บางคนก็เห็นได้ชัดเจนเลยว่ามีปัญหาเรื่องจมูกคด บางคนเพียงแค่อุดรูจมูกด้านใดด้านนึงก็ทำให้หายใจได้ลำบาก จึงก็เนื่องมาจากกระดูกอ่อนแกนกลางจมูกคด จนเบียดบังรูจมูกนั่นเอง ในการเสริมจมูกแบบ close นั่น การที่จะทำให้จมูกตรง สำหรับคดที่คดมากๆ ก็เป็นเรื่องที่ยาก ทำออกมาก็อาจจะดูเบี้ยวเล็กน้อย แต่ในการทำจมูกแบบ open ก็สามารถที่จะแก้ปัญหาดังกล่าวได้แทบจะ 100%

เทคนิคการเสริมจมูกแบบ Semi-Open

อธิบายถึงเทคนิคใหม่ในการการเสริมจมูก ที่หลายๆ คนอาจจะเคยได้ยินกันมาบ้างโดยสรุปก็คือ ปลายจมูกไร้ซิลิโคนเช่นเดียวกับวิธี เสริมจมูกแบบโอเพ่น แต่อาจจะแตกต่างกันในเรื่องของการแก้ไขโครงสร้างเล็กน้อย ซึ่งจริงๆแล้ว เสริมจมูกแบบ semi-open ก็เป็นวิธีการที่อยู่ตรงกลางระหว่างการ เสริมจมูกแบบโอเพ่น และ เสริมจมูกแบบปิดนั่นเอง เพียงแต่ไม่มีแผลตรงกลางเหมือนแบบโอเพ่น

ข้อดีและข้อเสียของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น

ข้อดีของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น

• สามารถผ่าตัดแก้ไขรูปร่างจมูกได้อย่างครบถ้วน สมบูรณ์กว่า เนื่องจากสามารถเห็นโครงสร้างภายในได้ดีกว่า
• สามารถตกแต่งปลายจมูกโดยการใช้กระดูกอ่อนหรือเนื้อเยื่อสังเคราะห์ เพื่อให้จมูกสวย เนียนเป็นธรรมชาติ ป้องกันไม่ให้ผิวหนังบางหรือทะลุในอนาคตได้ดีกว่า
• โอกาสที่จมูกจะเบี้ยวหรือเอียงน้อยกว่า

ข้อเสียของการเสริมจมูกแบบโอเพ่น

• มีแผลเป็นที่บริเวณฐานจมูก
• พักฟื้นนานกว่า
• เป็นการผ่าตัดที่ทําได้ยากกว่า (เพราะรายละเอียดมากกว่า) ใช้เวลาผ่าตัดนานกว่าการเสริมจมูกแบบปิด
• การผ่าตัดในบางครั้งต้องใช้การดมยาสลบด้วย
• ราคาสูงกว่าการเสริมจมูกแบบปิด

การเสริมจมูกแบบโอเพ่น มีกี่แบบ

การศัลยกรรมเสริมจมูกแบบเปิด หรือ เสริมจมูกแบบโอเพ่นนั้น คือการเปิดแผลเพื่อผ่าตัด ให้เห็นโครงสร้างภายใน การเสริมจมูกแบบโอเพ่นสามารถเสริมด้วยซิลิโคน ปรับโครงสร้างจมูก และรองปลายจมูกเพื่อป้องกันการทะลุได้ทั้งหมดในคราวเดียวกัน โดยมีเทคนิคการเสริมอยู่ 2 แบบ คือ

1. Reconstruction

คือ การแก้ไขโครงสร้าง ให้สวยงาม หรือการใช้งาน(หายใจโล่งขึ้น) มีหลากหลายวิธี ทั้งเย็บInterdome เย็บลดความกว้างจมูก ยืดผนังกั้นจมูก การใช้กระดูอ่อนเพิ่มความแข็งแรงของโครงสร้างต่างๆ ซึ่งเยอะมากๆ ขึ้นอยู่กับความต้องการและประสบการณีของแพทย์ผ่าตัด

2. Interdome

คือ การเย็บกระดูกอ่อนปลายจมูกให้ปลายเรียวมากขึ้น จะเห็นว่าเป็นแค่การทำเพียงเล็กน้อยจากแบบ Recon เท่านั้น

การเตรียมตัวก่อนการเสริมจมูก

• งดสูบบุหรี่ ก่อนเสริมจมูก อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่จะทำลายเซลส์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล ทำให้หายช้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อ
• งดเครื่องดื่มแอลกฮอล์ทุกชนิดในคืนก่อนทำจมูก
• งดยากลุ่มแอสไพริน (Aspirin) หรือ ไอบิวโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อลดอาการฟกช้ำจากเลือดคั่งหลังผ่าตัดอย่างน้อย 2 สัปดาห์
• งดวิตามิน น้ำมันตับปลา อาหารเสริมต่างๆ ทุกชนิด เนื่องจากอาหารเสริมเหล่านี้ ทำให้เกิดอาการเลือดหยุดไหลช้า ส่งผลให้หมอผ่าตัดยากและจากหลังผ่าจะมีรอยบวมช้ำเขียว อย่างน้อย 2 สัปดาห์
• แจ้งให้แพทย์ทราบ หากมีโรคประจำตัว เช่น โรคความดัน โรคหัวใจ โรคเบาหวาน HIV หรือโรคต่างๆ ควรปรึกษาศัลยแพทย์ให้ดีเสียก่อน เพื่อป้องกันความเสี่ยงหลังการผ่าตัด เช่น แผลติดเชื้อมากกว่าคนปกติ

การดูแลหลังเสริมจมูก

การดูแลตัวเองหลังเสริมจมูก เป็นสิ่งสำคัญประการหนึ่งที่ไม่ควรจะละเลย เนื่องจากถ้ามีการดูแลจมูกเสริมใหม่เป็นอย่างดี จะทำให้ได้จมูกที่สวยเข้ารูปตามแบบฉบับที่ต้องการ

1. นอนยกหัวสูงหรือนั่งหลับ 48 ชั่วโมง ใช้หมอนประมาณ 2-3 ใบ หนุนศีรษะให้สูงเพื่อไม่ให้มีเลือดคั่ง และประคองไม่ให้รูปทรงจมูกบิดเบี้ยว โดยจัดหมอนในท่าที่นอนสบาย ถ้าใครกังวลท่านอนตะแคงจะส่งผลต่อจมูกที่เสริมมา ก็ให้เตรียมหมอนรองคอมาประคองไว้ เพื่อความสบายในการพักผ่อนยิ่งขึ้น

2. ประคบด้วยความเย็นประมาณ 48 ชั่วโมง ใช้เจลแพ็ค 3 ผืนแช่ช่องแข็ง และสลับนำมาประคบบนจมูก บริเวณรอบๆ ให้ต่อเนื่อง 48 ชั่วโมง ถ้ามีรอยฟกช้ำให้ใช้น้ำอุ่นประคบต่อระคองไว้ เพื่อความสบายในการพักผ่อนยิ่งขึ้น ถ้าใครกังวลท่านอนตะแคงจะส่งผลต่อจมูกที่เสริมมา ก็ให้เตรียมหมอนรองคอมาประคองไว้ เพื่อความสบายใน

3. ทำความสะอาดใบหน้า 3-4 วันแรก ด้วยกระดาษซับมันแทนการสัมผัสน้ำโดยตรง หลังจากนั้นใช้สำลีชุบน้ำอุ่นเช็ดทั่วใบหน้า และหลีกเลี่ยงการกระทบกระทั่งบริเวณดั้งจมูก ถ้าแผลผ่าตัดบริเวณจมูกมีเลือดหรือน้ำเหลืองซึมออกมา ให้ใช้คอตตอนบัดสะอาดซับเบาๆ และใช้น้ำเกลือเช็ดทำความสะอาดแผล

4. งดเครื่องดื่มแอลกฮอล์หลังทำจมูก อย่างน้อย 1 สัปดาห์ งดสูบบุหรี่ หลังเสริมจมูก อย่างน้อย 4 สัปดาห์ เพราะสารที่อยู่ในบุหรี่จะทำลายเซลส์ที่จะซ่อมแซมการหายของแผล ทำให้หายช้า เสี่ยงต่อการติดเชื้อ

5. งดใส่แว่นตาระยะเวลา 1 เดือน หลีกเลี่ยงการกระทบกระเทือนที่จมูก 1 เดือน และทานยาตามที่แพทย์จัดให้ตรงตามเวลาอย่างเคร่งคัด และทานต่อเนื่องจนกว่ายาจะหมด

ราคาเสริมจมูกแบบโอเพ่น

ใครที่มีทรงจมูกที่ต้องการจะปรับแก้ไข การเสริมจมูกแบบโอเพ่น สามารถจัดให้ได้ตามต้องการ เพียงแต่ถ้าเทียบราคากับการเสริมดั้งด้วยซิลิโคนธรรมดา ด้วยวิธีการเสริมจมูกแบบปิดแล้วนั้น ก็จะสูงกว่ามาก เพราะ เรทราคาน่าไว้ใจอยู่ที่เริ่มต้นด้วยประมาณ 25,000 บาทขึ้นไปถึงหลักแสนเลยก็มี นั่นก็ขึ้นอยู่กับวัสดุที่ใช้เสริมและเทคนิคของแพทย์แต่ละท่านด้วย แต่สำหรับคนที่จมูกมีปัญหาที่ต้องปรับแก้ทรงจมูกจากด้านในเท่านั้น ราคานี้ก็ถือว่าเป็นการจ่ายที่คุ้มค่าและปลอดภัย

การเสริมจมูกแบบ OPEN เหมาะกับใคร?

เพราะเป็นการผ่าตัดแบบเปิดหน้าจมูกให้เห็นโครงสร้างภายในชัดๆ การเสริมจมูกแบบโอเพ่นจึงเหมาะกับทุกคนที่ต้องการปรับทรงจมูกของตนให้สวยปังได้ทุกรูปแบบ โดยปัญหาที่คลินิกส่วนใหญ่พบและแก้ไขได้มีดังนี้

• ผู้ที่มีปลายจมูกสั้นกลม ปลายจมูกเชิด จมูกทรงชมพู่ สามารถแก้ไขทรงของกระดูกอ่อนปลายจมูก ไม่ว่าจะตัดเย็บให้ปลายจมูกที่กลมมนดูเรียวขึ้น ยาวขึ้น หรือผ่าตัดเอาเนื้อส่วนเกินจากจมูกชมพู่ออกแล้วเสริมสันจมูกให้โด่งขึ้นก็ได้
• ผู้ที่มีแกนจมูกสูง หรือเบี้ยวผิดรูป สามารถผ่าตัดตอกแกนจมูกให้เรียบเนียน และปรับทรงให้ตรงเข้าที่เพื่อให้จมูกดูสวยเป็นธรรมชาติมากขึ้นได้
• ผู้ที่ผ่านการแก้จมูกมานับครั้งไม่ถ้วนจนเกิดพังผืดสะสม ก็สามารถผ่าตัดขูดพังผืดทั้งหมดออกแล้ว ค่อยผ่าตัดแก้ทรงจมูกที่ผิดพลาดอันเก่าให้เป๊ะใหม่ก็ได้เช่นกัน
• ผู้ที่ผ่านการทำจมูกแบบปิดแล้วรู้สึกว่าซิลิโคนกำลังจะทะลุ ในกรณีนี้ถ้าซิลิโคนดันจนเนื้อปลายจมูกบางระยะสุดท้าย การผ่าตัดเปิดจมูก คือทางเลือกดีๆ ที่จะรักษาเยื่อปลายจมูกของคุณไว้ได้ด้วยการเสริมกระดูกอ่อนและไขมันจากหลังหู กั้นตรงปลายจมูกเอาไว้ไม่ให้ซิลิโคนทะลุออกมา

เสริมจมูกแบบโอเพ่นที่ไหนดี?

ไม่ว่าจะเสริมจมูกแบบปิดหรือแบบเปิด คนไข้ต้องได้รับการตรวจวิเคราะห์โครงสร้างจมูกเดิมจากศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อหาวิธีการเสริมจมูกที่เหมาะสมกับแต่ละคน เพื่อจมูกที่โด่งสวยได้รูปและปลอดภัยทั้งในระยะสั้นและระยะยาว การเลือกว่าจะเสริมจมูกแบบโอเพ่นที่ไหนดีนั้น จึงต้องพิจารณาจากข้อสังเกตต่อไปนี้ เพื่อให้การเสริมจมูกของเรานั้นออกมาดีที่สุด สวยและเจ้ากับใบหน้าของเรา โดยที่ไม่ต้องกังวลในเรื่องของผลข้างเคียงภายหลัง

• ทีมศัลยแพทย์ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการเสริมจมูกเทคนิคโอเพ่นโดยเฉพาะ เพราะ การเปิดแผลผ่าตัดและทำการแก้ไขในการเสริมจมูกครั้งนี้ใช้เวลานาน จะต้องสบายใจได้ว่าระหว่างที่ทำนั้นจะไม่เกิดข้อผิดพลาดใดๆ
• ตรวจสอบในเรื่องของความสะอาดของสถานที่ ต้องเป็นคลินิกที่ได้มาตรฐาน มีการจดทะเบียนถูกต้อง สะอาดและห้องผ่าตัดต้องปลอดเชื้อเพื่อไม่ให้เกิดการติดเชื้อภายหลังจากการเสริมจมูก
• ดูรีวิวและความน่าเชื่อถือของคลินิกนั้นๆ ว่ามีรีวิวจากผู้ที่รับบริการจริงมากน้อยแค่ไหน และ ผลลัพธ์การรักษาเป็นเช่นไร
• ราคาต้องไม่ถูกหรือแพงจนเกิดไป จริงอยู่ที่เทคนิคการเสริมจมูกแบบโอเพ่นนั้นต้องใช้ความชำนาญของแพทย์ในการแก้ไขปัญหาเป็นอย่างมาก แต่ราคานั้นก็อยู่ที่ราว 25,000 บาทขึ้นไป ถึง หลักแสน ขึ้นอยู่กับปัญหาของแต่ละบุคคลด้วย

Top Thai Clinic ได้รวบรวมคลินิกเสริมจมูกแบบโอเพ่นที่ดีที่สุด ปี2024 มาให้เลือกค่ะ